Pan Review

Mini Movie Review

Pan (Joe Wright) (2015) (C+)

" Perfectly Music Score With terrible screenplay "

คนเขียนบทคงไม่รู้ซินะว่าบทหนังและการดำเนินเรื่องแบบนี้มันเชยแล้วถึงแม้หนังจะมีความเป็นดาร์คแฟนตาซีอยู่นิดๆก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย พล๊อตเรื่องที่น่าสนใจและเพลงประกอบคงเป็นข้อดีทั้งหมดของหนังเลยก็ว่าได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องดนตรีก็ทำเอาขนลุกได้หลายฉาก ส่วนข้อเสียที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้สำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือ สเปเชี่ยลเอฟเฟคที่โคตรจะปวดตาและดูไม่รู้เรื่องยกตัวอย่างเช่น ฉากต้นไม้เล่าเรื่องอะไรซักอย่างและฉากดำน้ำดูอดีตที่พยายามจะเข้าใจในสิ่งที่มันเล่าแต่ทำไม่ได้เพราะซีจีมันดูยาก
โดยรวมแล้วมันก็คือ " หนังนวนิยายซ้ำซาก ที่มาพร้อมกับซีจีที่ปวดตาและเพลงประกอบสุดอลังการ "

Review By Waltherick

The Martian Review

Mini Movie Review

The Martian (Ridley Scott) (2015) (A-)

" Ridley is back "

มาร์ค วัตนีย์ถูกทิ้งบนดาวอังคารเพราะสมาชิกในทีมคิดว่าเขาตายแล้ว เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในดาวรกร้างเพียงลำพังและต้องหาอาหารประทังชีวิตจนกว่าจะได้รับความช่วยเหลือ

ไม่ถึงขนาดได้นั่งจิกเบาะหรอกมันอยู่ในระดับที่ตื่นเต้นแต่ไม่กดดัน มองภาพรวมมันก็หนังเอาตัวรอดในอารมณ์ฟีลกู๊ดปนดราม่าวิชาการนี่แหละ คำพูดในหนังบางฉากมันอาจทำให้คุณเอ๋อแดกได้ พร้อมคิดในใจว่า " มึงพูดห่าอะไรกันวะ " ถึงบทพูดมันจะลึกล้ำแต่ถ้าจับใจความได้มันก็เป็นข้อความสั้นๆเท่านั้นหละ

แต่ถึงยังงั้นก็พูดว่ามันฟีลกู๊ดได้ไม่เต็มปาก เพราะหนังตัดอารมณ์ได้เร็วเหลือเกิน ทุกสิ่งทุกอย่างมันสามารถพลิกจากหน้ามือเป็นหลังตีนได้ทุกเมื่อ

นักแสดงช่วยพยุงหนังได้มากทีเดียว หน้าตาและท่าทางมันทำให้คนดูรู้สึกสงสารหรือคิดตามได้ไม่ยาก

ไม่รู้ว่ามันตั้งใจหรือกวนตีน เพลงดิสโก้บนดาวอังคาร เออมึงก็คิดได้นะ และกูชอบซะด้วย

ในมุมมองของมนุษย์ผู้ติดอยู่บนดาวอังคารคนเดียวก็ทำได้ดีมาก ทั้งการที่ตัวละครพูดถึงความตาย อนาคต ความหวัง การเอาตัวรอด มันช่วยเพิ่มอารมณ์ร่วมได้มากทีเดียว

Review by Waltherick

Everest Review

Mini Movie Review

Everest (Baltasar Kormakur) (2015) (B)

" Boring but very cold "

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พกความรู้แบบเต็มเปี่ยมเข้าไปดูหนัง ทั้ง สารคดี หนังสือการ์ตูน หนัง ที่เกี่ยวกับการปีนเอเวอเรสต์ เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ตัวละครพูด แต่หนังมันหนักไปทางดราม่าขายซีจีซะมากกว่าเลยกลายเป็นว่าความรู้ที่ดองไว้ได้ใช้แค่นิดเดียว

ถึงแม้มันจะขายดราม่าก็จริง แต่มันยังไม่สุด เสียงดนตรีประกอบตอนมีคนตายหรือบอกรักมันไม่บิ้วขนาดจะร้องไห้ได้ มันก็เกือบจะร้องหน่ะแหละแต่มันถูกขัดโดนดราม่าซีนอันจืดชื่น

ช่วงแรกๆของหนังปูเนื้อเรื่องค่อนข้างนานพอสมควรแต่รอแปปๆก็ได้สัมผัสการปีนเขาจริงๆ ในเรื่องของงานภาพนี่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวถึงแม้จะเป็นซีจีแต่วิวมันสวยมาก

ก็อย่างที่ว่ามีนักแสดงมากฝีมือที่สามารถประคับประคองหนังไม่ให้จืดจนเกินไป แต่ตัวบทกลับไม่น่าดึงดูดเอาซะเลย คำพูดของคนใกล้ตาย คนที่สูญเสียเพื่อน อะไรต่างๆนาๆมันเบาหวิวไปซะหมด

ข้อคิดที่ได้จากหนังก็เยอะพอสมควร ไม่ได้ยัดเยียดแล้วแต่พิจารณา

ถ้าไม่ดูในที่ๆอากาศหนาวๆแอร์เย็นๆแล้วล่ะก็อาจจะดูไม่หนุกก็เป็นได้ ดูหนังในโรงแอร์เย็นแค่ไหนก็ไม่เคยสั่นนะ จนกระทั่งเรื่องนี้ขนนี่ลุกไปตามจังหวะหนังเลย อีกปัจจัยหนึ่งก็คงจะเป็นเสียงพายุหิมะ
ที่โคตรน่ากลัว

Review By Waltherick

The Scorch Trials Review

Mini Movie Review

The Scorch Trials (West Ball) (2015) (B-)

"Level Up,I liked this more The Maze Runner"

No Escape Review

Mini Movie Review

No Escape (John Erick Dowdle) (2015) (B+)

" Stirring And Funny "

นี่ไม่ใช่หนังคุณภาพและไม่ใช่หนังตลาดซะทั้งหมด แต่ในความคิดของแอด แอดว่ามันก็สนุกนะ 
มันทั้งกดดัน บ้าบอ ไร้เหตุผล พอดูได้ ฉากกดดันอะไรพวกนี้ทำออกมาได้ดีมาก ถึงโลเคชั่นจะเป็นประเทศสมมุติ แต่ก็ยังมีธงชาติไทยและป้ายโฆษณาให้เห็นอยู่ในบางฉาก หนังมาเสียตรงนี้แหละเก็บรายละเอียดไม่ดีเหมือนทำเอาลวกๆเลยไม่อินกับคำว่า ประเทศสมมุติ ซักเท่าไหร่ 
ฉากสโลว์ที่ไม่จำเป็นเลยก็มีให้เห็น อารมณ์ก็ประมาณว่า ไปกินผัดหอยลาย แต่พอได้กินในหอยกลับมีแต่เศษทราย พอได้่กินตัวที่สะอาดกลับพบว่าแม่งอร่อยมาก อะไรทำนองนี้ 
ถือซะว่าแอดแนะนำให้ไปดูละกันหนังสนุกมาก

Review By Waltherick

White God Review

Mini Movie Review

White God (Kornél Mundruczó) (2014) (B)

" Disney Movie Version Rate 18+ "

   จะอธิบายยังไงดี ก็คาดหวังกับหนังไว้มากนะ ห่างหายจากหนังแนวสัตว์เลี้ยงเพื่อนรักอะไรพวกนี้ไปนานแล้ว พอจะกลับมาดูก็อยากเห็นอะไรที่มันมากกว่าความสัมพันธ์ลมๆแล้งๆ แต่ดูจบก็ได้ตรัสรู้ว่า หนังแนวนี้มันก็มีแค่นี้แหละ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะแต่งเติมให้สมบูรณ์แบบยังไง 

   ถ้าจะให้เปรียบเทียบล่ะก็ เรื่องนี้คือ หนังดิสนีย์ฉบับติดเรท 18+ ที่อุดมไปด้วยเลือดและความจริงจัง ถึงแม้หนังมันจะสมจริง ตรงไปตรงมา แต่ก็ยังสลัดคราบความโลกสวยไม่ได้ บางฉากถ้าดนตรีไม่ทรงพลังพอก็จะเลี่ยนมากเลยนะ แต่เพราะเพลงออเคสตร้าที่ใช้ประกอบหนังมันเข้ากันได้เลยดึงอารมณ์ดูไม่ให้หลุดได้ งานภาพเองก็เช่นกัน มันคือสิ่งมหัศจรรย์ฮะ ภาพสวยมาก ถ้ามีรางวัลออสการ์สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม แอดก็ยกให้เรื่องนี้แหละคือที่สุด แล้วถ้ารวมกับเพลงประกอบข้างต้นแล้วจะสุดยอดมากกกก เอาจริงๆแอดมองมันเป็นหนังตลกนะ มันจะจริงจังก็ไม่จะโหดร้ายก็ไม่เชิง มันยังไม่สุดซักทาง แต่ก็ดูได้สนุกๆได้ข้อคิดสำหรับคนชอบดูหนังรางวัล 

   หนังเข้าฉายที่ไทย 15 ตุลานี้ และสุดท้ายนี้ใครจะพาลูกหลานไปดูก็ขอเตือนว่า ดูแล้วมาบ่นทีหลังไม่ได้นะ เรทหนังก็บอกโต้งๆว่า 18+ อาฮ่ะมันคือหนังมิตรภาพ แต่มิตรภาพในที่นี้มันแลกมาด้วยความรุนแรงครับ

Review By Waltherick

Pride And Glory Review

Mini Movie Review

Pride And Glory (2008) (Gavin O'Connor) (A)

" Cops is devil  Murder is joke"

ในหนังสืบสวนสอบสวนที่มีตำรวจหรือนักสืบเป็นตัวดำเนินเรื่อง ประเด็ญที่หนังส่วนใหญ่ชอบนำมาใช้คือ Good Cop Bad Cop ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน ตัวละครทุกตัวตั้งแต่ตัวร้าย พระเอก รวมไปถึงตัวประกอบ ก็มี 2 แง่ 2 มุม ไม่มีใครเลว ไม่มีใครดี ทุกการกระทำของตัวละครมีเหตุผลรองรับหมด เปิดเรื่องมาคนดูยังไม่ทันรู้อิโหน่อิเหน่อะไรหนังก็ใส่ดราม่าหนักซะแล้ว และได้ผลด้วย เราเห็นตัวละครเดินไปเดินมาไม่รู้จักชื่อหรือที่มาแต่เรากลับเศร้าไปกับมัน แต่พอดูไปเรื่อยๆเราจะรู้ว่ามันจะเป็นเรื่องแหกตา การที่ตัวเอกต่างๆต้องเลือกระหว่าง "ครอบครัว" หรือ "ความถูกต้อง" มันกดอารมณ์คนดูได้ถึงขีดสุดทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะเลือกอะไร บทสรุปก็เช่นกัน เราเดาทางได้ว่ามันจะจบแบบใด แต่สิ่งที่ทำให้คนดูอึ้งไปอีกก็คือวิธีการ "เอ้า เล่นงี้เลยหรอ" บทหนังอาจจะโซซัดโซเซตกน้ำเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหนังแป๊กจุดเดียวทุกอย่างจะพังหมดเพราะหนังสร้างตัวเลือกให้ตัวเองไว้แล้วตั้งแต่เริ่ม แต่ก็ไม่จม ยังไปรอดจนถึงจุดจบ 

นี่อาจจะไม่ใช่หนังแสดงด้านมืดของตำรวจที่ดีที่สุด

แต่ก็มีหลายๆอย่างในตัวหนังที่ยอดเยี่ยมถึงแม้คุณภาพจะยังไม่สุดก็เหอะ

Review By Waltherick

Fantastic Four Review

MOVIE REVIEW 


FANTASTIC FOUR (2015) (Josh Trank) (B+)


" Not Good but not bad "

คุณคาดหวังอะไรกับหนังที่ถูกด่ายับตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย? ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนเดินเข้าโรง สิ่งที่ได้ออกมามีมากกว่าคำด่า พร้อมย้อนกลับไปอ่านรีวิวของหลายๆท่าน บางคนก็ไม่ชอบเพราะมีเหตุผล บางคนไม่ชอบเพราะไม่ใช่แนว บางคนก็ไม่ชอบเพราะคนอื่นไม่ชอบ ใครด่าแรงกว่าคนนั้นชนะ ยิ่งถูกด่าก็ยิ่งน่าดู อยากรู้ว่ามันจะเละยังไง เดินไปจองตั่วพร้อมความมั่นใจและคิดคำด่าในหัวไว้แล้ว พอหนังจบก็ต้องตั้งคำถามถามตัวเองอีกรอบ " อะไรของกูวะ "


พูดถึงตัวหนัง ตั้งแต่เปิดเรื่องจนถึงเครื่องวาร์ประเบิด มันคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่หนังฮีโร่เรื่องหนึ่งจะทำได้ ยอมรับว่าสนุกกับหนังมากในระดับหนึ่ง แต่ความสนุกก็มาจบลงหลังจากที่ตัวเอกได้รับพลัง ทุกอย่างในครึ่งหลังมัน "ดูม" จริงๆ นั่นยังไม่รวมถึงบทหนังที่เบาหวิวและไร้เหตุผล เหมือนยัดๆมาให้หนังยังดำเนินเรื่องได้มากกว่า ตัวซีจีเองก็น่าเกลียดไม่เหมือนหนังทุนสูงเรียกง่ายๆว่า ใช้เงินไม่คุ้ม แอคชั่นไม่หนำใจเหมือนจะเป็นแค่การเปิดประเด็ญและนำไปสู่ภาคต่อ ซึ่งจะทำให้มันสนุกมากกว่านี้ก็ทำได้แต่ก็ไม่มีวี่แววจนกระทั่งหนังจบ ช่วงแรกมันดูทรงคุณค่าไปเลยเมื่อเทียบกับตอนท้ายๆที่เละเทะ รีดด์ในคอมมิคคือฮีโร่ที่ฉลาดเป็นอันดับต้นๆเลย ในหนังมันฉลาดก็จริง แต่มันเอ๋อๆไม่เหมือนในคอมมิคซึ่งชอบจุดนี้มากๆ พยายามทำให้มันดาร์คแล้วมันก็ดาร์คจริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างรีดด์กับเบ็นคงจะเป็นสิ่งที่น่าจดจำที่สุดแล้ว(มั้ง) เดอะติงค์ที่ไม่มีกางเกงดูยังไงก็ไม่คุ้นและไม่ชอบฮีโร่ตัวนี้เคยเป็นคนมาก่อนและสิ่งเดียวที่สามารถยืนยันความเป็นผู้เป็นคนให้เขาได้คือ กางเกง มันจึงไม่ใช่เรื่องดีที่จะเอากางเกงออก หนังใช้ตัวละครได้คุ้มค่าเกริ่นนำแบบมีชั้นเชิง ตัวละครมีมิติ น่าค้นหา แต่คำชมทั้งหมดจะต้องสะดุดเมื่อเจอเข้ากับช่วงท้ายที่สุดแสนจะปวดตับ ทำเอาภาพรวมทั้งหมดของหนังเสียหมาไปเลย

Review By Waltherick

บันเทิงสากล

บันเทิงสากล มีดียังงัย?

เราไม่มีข้อดี แต่เราเป็นบล็อกที่ดีแน่นอน (รึเปล่า)

เราเริ่มต้นจาก 0 ตอนนี้เราก็ยังมีอยู่แค่ 0

เราอาจจะไม่ใช่ฮิปสเตอร์ แต่เราก็ชอบแนวทางของพวกเขา

พวดเราคือ บันเทิงสากล

แล้วบันเทิงสากลมันเกี่ยวกับอะไร?

บล็อกเราจะว่าด้วยเรื่องของเพลง เกมส์ ภาพยนต์ และอื่นๆที่สามารถเรียกได้ว่า บันเทิง

เราจะวิเคราะห์ รีวิว อัพเดตข่าวสาร แนะนำ ทุกสิ่งที่เราอยากทำและทุกสิ่งที่ท่านอยากดู

เราพร้อมหรือยัง?

เราพร้อมแล้ว !!!